พอฝรั่งกับคนไทยได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันแล้วคุณยังไม่ได้อธิบายให้เขาเข้าใจถึงลักษณะความสัมพันธ์ของครอบครัวไทยแล้วพออยู่ๆกันไปหม้อข้าวไม่ทันดำเขาก็อาจจะแปลกใจและเลยไกลไปถึง “ไม่พอใจ”ก็เป็นได้เขาอาจมองในมุมของเขาว่าครอบครัวของคนไทยทำไมถึงได้ชอบวุ่นวายและรบกวนกับคนอื่นเช่นนี้ทำไมไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้างเลยเดี๋ยวก็มาเยี่ยม มาชวนไปโน่นไปนี่เดี๋ยวก็มาค้างคืนมาขอเงินไหนจะต้องไปกราบวงศาคณาญาตินับไม่ถ้วนอีกไม่มีความเป็นส่วนตัวเอาเสียเลยเริ่มเบื่อแล้วนะ!!!
มาถึงตรงนี้คุณก็อย่าเพิ่งโกรธเขาหาว่าเขาเรื่องมากเห็นแก่ตัวไปนะคะเข้าใจเขานิดนึงนะคะว่าเขาเกิดในอีกซีกโลกหนึ่งแน่นอนย่อมไม่เคยเห็นไหปลาร้าฉันใดย่อมคิดต่างคุณฉันนั้นค่ะคุณต้องเข้าใจนะคะว่าฝรั่งน่ะเขาถือเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนะคะขนาดเป็นสามีภรรยากันเนี่ยเขายังต้องมีลิมิตเลยอย่างภรรยาคนไทยสามารถเปิดกระเป๋าสตางค์เช็คของสามีได้แต่ฝรั่งเขาถือนะคะคุณจะทำแบบนั้นคุณต้องได้รับอนุญาตก่อนอย่างล่าสุดมีข่าวภรรยาฟ้องสามีเรื่องที่สามีไปเปิดอีเมลล์ของเธอน่ะค่ะโอ…อะไรกันนี่และก่อนที่เขาจะเข้าในผิดไปมากกว่านี้คุณควรทำหน้าเป็นแฟนที่แสนดี อธิบายให้เขาเข้าใจไปถึงความแตกต่างอันนี้ว่าคนไทยเราไม่ใช่เรียกกันแค่“ยู”(คุณ)กับ“ไอ”(ฉัน)เหมือนบ้านคุณนะคะครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่นับถือและให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องนะยะ เราคนไทยมีค่านิยมผูกสัมพันธ์กันฉันพี่ฉันน้องกันทั่วไปแม้จะเรียกใครที่ไม่สนิทก็จะเรียกเหมือนกับญาติของเราเช่น ยาย ลุง ป้า พี่ น้อง เป็นต้นดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าคุณต้องไปกราบทำความรู้จักกับญาติพี่น้องของดิฉันหรือว่าอนาคตคุณย่อมได้เห็นภาพของการเกื้อกูลกันระหว่างดิฉันและครอบครัวเพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันค่ะซึ่งจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปถ้าอยากเป็นเขยไทยก็ทำใจและศึกษาวัฒนธรรมให้เข้าใจนะคะดาร์ลิ้งขาแล้วประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่เป็นประเด็นต่อเนื่องมาจากประเด็นข้างบนซึ่งเป็นที่พูดกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องเงินๆทองๆในครอบครัวนี่แหล่ะค่ะเป็นชนวนการเลิกร้างกันมานักต่อนักโปรดติดตามหัวข้อต่อไปค่ะ
สินสอดทองหมั้น
เมื่อคนสองคนมั่นใจแล้วว่าคนที่คบอยู่ด้วยคงเป็นคนอื่นไปไม่ได้แล้วเลยขอหยุดตรงนี้ที่เธอจึงตกลงแต่งงานกันแต่สำหรับคนไทยการแต่งงานจะบอกว่าเป็นเรื่องของคนสองคนคงไม่ใช่ไปเสียทีเดียวนะคะมันเป็นเรื่องของครอบครัวค่ะเพราะว่าฝ่ายชายต้องให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอตามประเพณีเพื่อเป็นเกียรติแก่ฝ่ายหญิงกับครอบครัวของหญิงสาวจะได้ไม่อับอายขายหน้ากันไปทั้งบางในการแต่งงานสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องพูดคุยกับว่าที่สามีในอนาคตของคุณให้เข้าใจก็คือเรื่องของสินสอดทองหมั้นว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนเอเชียนะไม่ใช่เฉพาะในไทยแม้แต่ชนเผ่าที่เรามองว่าเขาล้าหลังนั้น ฝ่ายชายก็จะต้องมีสินสอดอย่างเนื้อสัตว์หรือข้าวของที่มีค่าในสังคมของเขามามอบแด่เจ้าสาวนะคะเห็นมาหลายคู่นะคะที่คู่รักมือใหม่หัดขับจะแต่งงานกันแต่ดันไม่พูดคุยกันให้เรียบร้อยเป็นกิจจะลักษณะพอพ่อแม่ฝ่ายหญิงพูดถึงเรื่องสินสอดขึ้นมาเจ้าบ่าวชาวฝรั่งก็ตกใจผงะเอาได้และพาลคิดดูถูกคนไทยไปว่าคนไทยละโมบโลภมากขายลูกสาวของตนเองกินไปเสียนี่โชคร้ายคือสุดท้ายเจ้าบ่าวก็เลยตัดสินใจโบกมือลาเซย์กู๊ดบายกลับประเทศปล่อยทิ้งให้เจ้าสาวฝ่ายไทยต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแถมพ่อแม่ก็อับอายขายหน้ากันไปตามระเบียบโรงเรียนไทยถ้าไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับคุณละก็ คุณควรอธิบายให้เขาเข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆว่าเหตุที่พ่อแม่เรียกร้องสินสอดจากฝ่ายชายนั้นไม่ได้เป็นการขายลูกสาวกินแต่อย่างใดแต่เป็นการพิสูจน์ถึงศักยภาพของฝ่ายชายว่าเขามีความสามารถในการหาเลี้ยงครอบครัวไหม(เดี๋ยวจะพูดถึงเรื่องเงินในหัวข้อต่อไปนะคะ)และเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของลูกสาวว่าต่อไปในภายภาคหน้าว่าลูกสาวสุดที่รักจะไม่ตกระกำลำบาก เพราะเงินสินสอดนี้พ่อแม่ก็มักจะคืนให้ลูกสาวเอาไว้เป็นทุนตั้งตัวต่อไปภายภาคหน้านั่นเองค่ะแต่สาวไทยอย่างเราก็อย่าเพิ่งไปตีโพยตีพายตั้งข้อรังเกียจว่าฝรั่งเขาขี้งกเห็นแก่ตัวไปเลยนะคะก็อย่างที่บอกไปว่าฝรั่งเขาถือความเท่าเทียมกันเมื่อคนสองคนรักกันเขาก็มอบกายมอบใจให้คุณเช่นกันดังนั้นจึงไม่ได้พูดถึงเงินค่าสินสอดอย่างไรก็ตามการที่คุณศึกษาทำความเข้าใจมาก่อนจะช่วยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับคุณไปเองค่ะ